top of page
รูปภาพนักเขียนNatchananphorn Phattharathammaphon

7 Trends Digital Marketing 2023 ที่นักการตลาดไม่ควรพลาด

อัปเดตเมื่อ 18 ก.พ. 2566



เมื่อการตลาดในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูงและมีความท้าทายอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการนำอุปกรณ์สุดไฮเทค หรือเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับ ‘ยุค Digital’ ส่งผลให้หลายธุรกิจ หลายองค์กร เฟ้นหาสิ่งใหม่ ๆ อย่างเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้ผู้บริโภคหรือลูกค้า สามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะพบเห็นได้บ่อย คือ จำพวกระบบอัตโนมัติ หรือ Automation ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมาก เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิต และการทำงาน ซึ่งทำให้เจ้าของธุรกิจ หรือฝ่ายการตลาดไม่ควรมองข้ามสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามา ดังนั้นวันนี้ DigiTech จะพาคุณไปดูกันว่า Digital Marketing ในปี 2023 จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่มีความผันผวนเร็ว และปรับตัวให้เข้ากับ Trend Marketing ต่าง ๆ ได้ทัน มาติดตามบทความของเราพร้อมๆ กันเลย

Trends Digital Marketing 2023

1. Social Media Marketing & Influencer Marketing

สำหรับ Trends หรือกระแสการทำตลาดผ่าน Social Media โดยจะพบเห็นได้ตามแอปฯ TikTok ที่มีเหล่า Creator มากมาย จัดทำ Content ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดผู้รับชมและเป็นการแย่งคนดู รวมไปถึง YouTube ที่ปล่อย Features ต่าง ๆ อย่าง Shorts เพื่อให้นัก Creator ผลิต Content ที่ดึงดูดให้ผู้รับชมอยู่บนแพลตฟอร์มได้นานที่สุด นอกจากนี้จะเห็นเหล่า Influencer บนแพลตฟอร์ม Facebook, TikTok และ Instagram จัดทำการ Live Now! เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าร่วมรับชม สามารถขายสินค้าได้มากมาย เช่น เสื้อผ้า อาหารสัตว์ และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งเมื่อสามารถแย่งผู้รับชมหรือผู้ติดตามมาได้แล้ว จะผลิต Content และแฝงไปด้วย Affliate Link ของสินค้า ๆ นั้น เพื่อขยายช่องทางในการทำรายได้ให้มากขึ้น

2. B2B Marketing

การทำธุรกิจระหว่างคู่ค้าธุรกิจด้วยกันเอง เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านธุรกิจในด้านต่าง ๆ ซึ่งปี 2023 หากใช้รูปแบบเดิม ๆ อาจจะไม่ส่งผลลัพธ์ที่ดีมากนัก เพราะปัจจุบัน Video เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขายและการตลาดออนไลน์ เพราะสามารถนำเสนอสินค้าและบริการ รวมถึงเชื่อมต่อกับลูกค้าให้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งมีช่องทางสำหรับเผยแพร่เนื้อหาผ่าน Video คือ YouTube, LinkedIn และ Instagram โดยช่องทางเหล่านี้สามารถถูก Shared ไปสู่คนอื่น ๆ ได้ง่ายและตรง Target มากขึ้น

3. Content Marketing

สำหรับปี 2023 นักการตลาดต้อง Balanced การทำงาน Online และ Offline ให้ดี เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า Cost Per Click จากการโฆษณามีราคาแพงไต่ระดับมากขึ้นทุกปี และเนื้อหา Content Online ไม่ใช่ช่องทางการตลาดราคาถูกอีกต่อไป ดังนั้นแบรนด์ต้องกลับมาวางแผนหาจุดสมดุลให้เจอ และเลือกใช้ Content Marketing ที่สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์และสร้างชุมชนให้มีฐานที่กว้างขึ้น โดยเนื้อหาควรมีการอ้างถึงคุณค่าของสินค้าและบริการ ไม่ใช่แค่การขายเท่านั้น ยกตัวอย่าง แอปฯ TikTok จะมีเนื้อหาแบบ Video เป็นหลัก และมีเนื้อหาให้ดูหลากหลาย ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบ Content สั้น ๆ เข้าใจง่าย จึงเป็นแหล่งรวมตัวของคนในสังคม ดังนั้นการทำ Content Marketing แบบ Short Video อยู่ในช่วงขาขึ้น หากแบรนด์ไหนหรือ Creator ใด ไม่ได้จัดทำ Content ดังกล่าว อาจจะพลาดโอกาสการเติบโตดี ๆ ไป

4. Ai Marketing

สำหรับ Ai Marketing อาจยังไม่บูมมากนัก แต่ทว่าปีที่ผ่านมา ๆ ก็เริ่มเห็นหลายธุรกิจ หลายองค์กรได้จัดทำระบบ Ai หรือปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องความสะดวกให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นระบบ ‘Automation’ โดยใช้ Ai วิเคราะห์ข้อมูล และบันทึกข้อมูลให้อัตโนมัติ เพียงแค่คุณกรอกข้อมูลให้ครบเท่านั้น รวมไปถึงระบบตอบกลับลูกค้าอัตโนมัติ และมีอีกหนึ่ง Ai ที่ปรากฏสู่โลกอย่างระบบ ChatGPT ที่ถูกพัฒนาโดย Openai อยู่ในขั้นทดลอง เป็น Ai ที่สามารถตอบคำถามได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เขียน Coding, คิดหัวข้อ Content หรือวางแพลนทริปเที่ยวได้เช่นกัน เพียงเข้าใจฟังก์ชันในการถาม Ai ก็สามารถตอบคุณได้หมดแทบทุกอย่างเลยทีเดียว และแน่นอนว่าโลกไม่พร้อมกับสิ่งนี้อย่างแน่นอน

5. MarTech

Marketing Technology หรือ MarTech คือ การทำการตลาดในรูปแบบใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูลของลูกค้าหรือข้อมูลของคู่แข่ง ถือเป็นรูปแบบการจัดทำ Digital Transformation เพราะองค์กรหรือธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรหรือธุรกิจ และสามารถส่งต่อข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบไร้รอยต่อ


6. Digital Advertising

การทำโฆษณายังคงเป็นช่องทางที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องได้เช่นเคย แต่การทำโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook คงไม่คุ้มค่าอีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้ Facebook ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Meta และเน้นไปทำ Metaverse เป็นหลัก จึงทำให้ Algorithm ผิดเพี้ยน ส่งผลให้โฆษณาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่สามารถทำโฆษณาและสร้างรายได้ให้คุ้มค่าได้มากมาย หากพูดถึงแพลตฟอร์มที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น TikTok และ Line เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้เยอะที่สุดในขณะนี้


7. Second-Party Data

เมื่อปี 2022 ประเทศไทยได้ประกาศพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act หรือ PDPA) จึงทำให้หลายองค์กรหรือธุรกิจ รวมไปถึงนักการตลาดนำ Second-Party Data มาใช้ เพราะต้องการความแม่นยำของการเข้าหากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และในปี 2023 หลายธุรกิจในไทย ที่มี First-Party Data ในมือ เปิดบริการเสริมให้แก่แบรนด์ Advertiser Agency หรือคู่ค้าต่างๆ ในการนำ Data เหล่านี้ไปใช้ต่อ


ซึ่งแน่นอนต้องมาพร้อมกับค่าบริการและมาตรการในการปกป้องข้อมูลของลูกค้า นอกจากนี้การใช้ข้อมูลเหล่านี้ต้องปฏิบัติตามกฎ PDPA โดยที่ข้อมูลที่นำมาใช้ต้องถูกได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคหรือเจ้าของข้อมูล ตามขอบเขตที่ระบุไว้ตอนมอบหนังสือยินยอม อีกทั้งต้องยอมรับว่า ถ้านักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและความแม่นยำ ย่อมส่งผลดีกับการทำ Digital Marketing ในปี 2023 ได้แน่นอน

สรุป Trend Digital Marketing ในปี 2023

จบกันไปแล้วสำหรับเทรนด์การตลาดทั้ง 7 ข้อที่เราได้นำเสนอมานั้น เทรนด์ไหนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรืออาจมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรนั้น คงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป แต่หากได้รู้ไว้แล้วเชื่อว่าจะทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ทัน รวมไปถึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที อีกทั้งหวังว่าบทความจะเป็นประโยชน์และช่วยให้การทำ Marketing Online ในปี 2023 สำเร็จกันถ้วนหน้า

ดู 11 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page